วันอังคารที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2558

พบกับการผจญภัยครั้งใหม่ในสมรภูมิมอดไหม้


พบกับการผจญภัยครั้งใหม่ในสมรภูมิมอดไหม้

Maze Runner: The Scorch Trials


เผยภาพจากหนังเซ็ตแรกชาวทุ่งใน
Maze Runner : The Scorch Trials 
พร้อมฉาย 17 กันยายนนี้ในโรงภาพยนตร์


ปล่อยภาพจากหนังเซ็ตแรกมาเรียกน้ำย่อยกันแล้ว กับภาคต่อของหนังนักวิ่งชาวทุ่ง อย่าง Maze Runner : The Scorch Trials  หลังจากที่ภาคของหนัง The Maze Runner สร้างปรากฏหนังที่วัยรุ่นชื่นชอบและรอคอยชมภาพยนตร์พร้อมแชร์สื่อโซเชี่ยล มากมาย


สำหรับในภาค Maze Runner : The Scorch Trials เป็นเรื่องราวที่เริ่มขึ้นหลังจากชาวทุ่งได้หนีออกมาจากเขาวงกตได้ พวกเขาพวกองค์กรรับพาขึ้นเฮลิคอปเตอร์ไปยังที่ๆเรียกว่าแครงค์ ซึ่งพวกเขาคิดว่าสถานที่นี้เป็นที่ปลอดภัยสำหรับพวกเขาแล้ว แต่หารู้ไม่ว่า พวกเขาต้องเจอกับโลกใหม่ที่มีอันตรายรอบด้าน


กระตุ้นต่อมแฟนคลับชาวทุ่งกับภาพจากหนังเพิ่มเติมจาก
Maze Runner : The Scorch Trials




เผยโปสเตอร์-ตัวอย่างแรก Maze Runner: The Scorch Trials


เริ่มปล่อยของมาเรียกน้ำย่อยกันแล้ว กับภาพโปสเตอร์แรกจากภาพยนตร์ภาคที่สองของเหล่าชาวทุ่ง  “Maze Runner: The Scorch Trials”  ที่สร้างขึ้นจากนิยายขายดีเล่มที่ 2  จากผลงานการเขียนหนังสือของ เจมส์ แดชเนอร์   กำกับการแสดงโดย  เวส บอล และยังคงได้นักแสดงชุดเดิมมาสานต่อเรื่องราวการผจญภัยอันยิ่งใหญ่ “Maze Runner”


โธมัส (ดีแลน โอเบรียน) และเพื่อนชาวทุ่งของเขายังคงต้องเผชิญกับความท้าทายอันยิ่งใหญ่ เช่น การตามหาเบาะแสแห่งความลึกลับและองค์กรที่มีอำนาจในนาม WCKD การผจญภัยครั้งนี้ได้พาพวกเขาไปที่ Scorch พื้นที่ว่างเปล่าที่เต็มไปด้วยอุปสรรคที่คาดไม่ถึง พวกเขาต้องร่วมทีมกับนักต่อสู้ที่แข็งแกร่ง ชาวทุ่งได้เข้ายึดอำนาจอันยิ่งใหญ่ของ WCKD และได้พบกับแผนการที่ทำให้ทุกคนถึงกับช็อค

ดิแลน โอ ไบรอัน กลับมารับบทเป็น โธมัส
นิวท์
เทเรซ่า

มินโฮ พร้อมที่จะวิ่งแล้ว Maze Runner: The Scorch Trials
ตัวละคร Harriet รับบทโดย Nathalie Emmanuel
ตัวละคร Brenda รับบทโดย Rosa Salazar
Maze Runner: The Scorch Trials - เมซ รันเนอร์ : สมรภูมิมอดไหม้  มีกำหนดเข้าฉาย 17 กันยายนนี้ในโรงภาพยนตร์ นำแสดงโดย ดีแลน โอเบรียน ,คาย่า สโคดลาริโอ , โธมัส โบรดี้-แซงสเตอร์ , ไค ฮอง ลีแพทริเซีย คลากสันนาตาลี เอ็มมานูเอลลิลิ เทย์เลอร์ และ แบร์รี่ เปปเปอร์  กำกับการแสดงโดย เวส บอล  ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่



สำหรับใครที่ยังไม่ดูภาคแรกของ The Maze Runner  อยากจะบอกว่าไปดูเถอะ สนุกมากกกกกก




หนัง เปิดเรื่องมาเหมือนที่เห็นในตัวอย่าง คือพระเอกอยู่ในลิฟท์ และถูกส่งมาที่ทุ่งแห่งหนึ่งซึ่งมีกลุ่มคนอยู่ก่อนแล้ว จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าตัวเองคือใคร ชื่ออะไร และพบว่าตัวเองและเพื่อนในนั้นต่างก็ตกอยู่ในกำแพงวงกตที่แน่นหนาใหญ่โต มีสัตว์ร้ายอยู่ในวงกตนั้นด้วย ไม่มีใครเคยผ่านวงกตไปได้ข้ามคืน


โธมัส พระเอกของเรื่องจะเป็นคนที่มีความคิดแตกต่าง ไม่เหมือนใครในกลุ่ม ซึ่งนั่นทำให้เขาได้นำมาซึ่งสิ่งที่แตกต่างจากที่กลุ่มได้เคยตั้งกฏปฏิบัติ มานาน กฏเกณฑ์ใช้ไม่ได้กับความสงสัยของโธมัส เขาอยากรู้มากว่าจะออกไปจากวงกตนี้ได้ยังไง ซึ่งความอยากรู้นี่มันแรงมากจนกล้าที่จะทำในสิ่งที่คนอื่นหลีกเลี่ยง

การ ดำเนินเรื่องไม่ซับซ้อน เนื้อเรื่องเดินไปข้างหน้าทีละน้อย ไม่ได้รวดเร็วอะไร แต่ก็น่าติดตามตลอด โดยมีโธมัสเป็นตัวเดินเรื่อง ความน่าสนใจคือข้างในวงกตมีอะไร พวกเขาเป็นใครกันแน่ มาอยู่ที่นี่กันได้ยังไง และที่สำคัญคือจะหาวิธีไหนที่จะออกไปได้ หนังไม่ได้สนุกตรงที่มีสัตว์ประหลาดอะไรมากมาย แต่หนังสนุกตรงการตัดต่อเล่าเรื่องที่มีความเรียบง่าย สัดส่วนของแต่ละอย่างที่พอเหมาะพอดี ความเป็นแอคชั่นที่มีให้พอประมาณ ไม่ได้มากแบบจัดเต็ม แต่ก็ได้ความรู้สึกที่อิ่มพอ  ส่วนของความสัมพันธ์และการให้ความสำคัญของ เพื่อน มันแฝงมาแบบเนียน ๆ ไม่ได้รู้สึกถูกยัดเยียดบทดราม่า

ข้อดี ของหนังเรื่องนี้คือมันเป็นหนังที่ดูจบแล้วกล้าที่จะบอกเพื่อนได้เต็มปาก ว่า 
"สนุกมาก ห้ามพลาดนะเว๊ย" คือมันมีความบันเทิงในด้านต่าง ๆ อย่างครบสูตร


สำหรับใครที่ดูแล้ว บล๊อคเกอร์ก็มีบทวิเคราะห์ เล็กๆน้อย ให้ลองคิดตามกันดูจ้า 
........วงกตดิสโธเปีย........
ใน เบื้องต้น The Maze Runner เป็นหนังที่ดูสนุก และหนังประสบความสำเร็จในสิ่งที่หนังแนวดิสโธเปียต้องทำให้ได้ก็คือ “การสร้างโลก” ที่น่าเชื่อถือ อาจเพราะหนังไม่รีบเร่งไปอธิบายว่าทั้งโลกเป็นยังไง แต่เน้นไปที่ภายในวงกตเป็นหลัก เลือกที่จะปล่อยรายละเอียดมาบางส่วน ให้คนดูได้คิด ได้คลายปม ต่อเติมเหตุผลเอาเอง จนทำให้คนดูรู้สึกเหมือนมีส่วนร่วมไปหนัง เข้าไปอยู่ในโลกของหนังได้ เมื่อเป็นส่วนหนึ่งแล้ว โลกที่ล้อมรอบด้วยวงกตก็ไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดอะไรอีกต่อไป
........จิตวิทยาวัยรุ่น........



แต่ คราวนี้ลองมองให้ลึกกว่านั้น “ถ้าวงกตไม่ใช่แค่วงกตละ” หากแต่มันคือแบบจำลองสิ่งที่ 
วัยรุ่น” ต้องเผชิญในช่วงวัยของพวกเขา เราต่างรู้ดึว่าช่วงวัยวัยรุ่นคือช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อของชีวิต เต็มความท้าทาย ความเสี่ยง และความสับสน ว่าจะดำเนินชีวิตไปในทางไหน การตัดสินใจในช่วงวัยนี้อาจส่งผลต่อชีวิตของเขาในอนาคตไปตลอด 



ไม่ต่างอะไรจากเขาวงกตที่เต็มไปด้วยเส้นทางมากมาย วกไปวนมา เราคาดหวังว่ามันน่าจะต้องมี “ทางออก” แต่ทางไหนกันละที่เป็นทางออก มันคือการตัดสินใจครั้งสำคัญของ “วัยรุ่น” ก่อนที่พวกเขาจะกลายเป็น “ผู้ใหญ่


ใน The Maze Runner เราเห็นกลุ่มวัยรุ่น (ชาย) ที่มีมุมมองหลากหลายต่อวงกตที่รายล้อมพวกเขาอยู่ ไม่ต่างอะไรจากวัยรุ่นชีวิตจริงที่มีต่างคิดเกี่ยวกับอนาคตของตัวเองไม่ เหมือนกัน มีทั้งคนที่รู้ว่าโลกภายนอกมีความอันตราย ไม่ปลอดภัย แต่ก็ยินดีที่จะเสี่ยง ซึ่งในเรื่องสะท้อนผ่านมาทางตัวของ


“Thomas” (Dylan O’Brien) พระเอกของเรื่อง 


ที่ เป็นเสมือนตัวแทนวัยรุ่นหัวขบถในสังคม ตั้งคำถามกับสิ่งต่างๆ และลงมือทำโดยไม่หวั่นเกรง เพราะดีกว่าไม่ทำอะไรเลย อย่างน้อยหากเขาคิดถูก ก็เป็นโอกาสที่จะได้เป็นอิสระได้ ขณะเดียวกันก็มีฝั่งตรงข้าม คนที่เห็นโลกข้างหน้า มันวกวน และเสี่ยงภัยเกินไป ดังนั้น แทนที่จะออกไปทำไมไม่อยู่อย่างสงบภายใน “พื้นที่ปลอดภัย” ของตัวเองละ ไม่ต่างอะไรกับวัยรุ่นที่เลือกจะอยู่ในกรอบ ไม่ใช่เพราะเขาคิดเองไม่ได้ แต่เขาอาจจะคิดว่าอยู่ในกรอบปลอดภัยกว่า

ซึ่งในเรื่องก็คือตัวละครของ “Gally” (Will Poulter)


นอกจากนั้น The Maze Runner ยังมีตัวแทนของวัยรุ่นกลางๆ ที่ไม่สุดโต่งอย่าง

“Newt” (Thomas Brodie-Sangster)


ซึ่ง จากลักษณะแล้วทำให้พออนุมานได้ว่าเขาอาจจะเคยเป็นคนแบบ Thomas มาก่อน เพียงแต่วันเวลาผ่านไป สังคมรอบข้างทำให้เขาเริ่มลดความกล้าของตัวเองลง แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่มีใครมาสะกิดหรือผลักดันเขาก็พร้อมที่จะลุกขึ้นมาอีกครั้ง 

ขณะเดียวกันก็ยังมีตัวละครอย่าง 

 “Alby” (Aml Ameen) หัวหน้ากลุ่มชาวท้องทุ่ง


และ “Minho” (Ki-hong Lee) นักวิ่งที่คอยสำรวจเส้นทางต่างๆ ในวงกต


ก็ ไม่ต่างอะไรจากตัวแทนวัยรุ่นที่ผ่านโลกมาแล้วในระดับหนึ่ง จนรู้ว่าโลกข้างหน้าไม่ได้สวยงามอย่างที่วัยรุ่นไฟแรงคิด โดยเฉพาะ Minho ที่วิ่งสำรวจจนเชื่อว่าเขาวงกตไม่มีทางออก แต่แทนที่จะซึมเศร้าและเลิกสนใจโลก พวกเขายังเหลือพื้นที่ว่างให้กับ ความหวัง เพราะพวกเขารู้ดีว่านี้คือสิ่งสำคัญสุดในช่วงวัยนี้ อาจจะสำคัญมากกว่า ผลลัพธ์ ด้วยซ้ำไป

สำหรับใครที่ชื่นชอบการอ่านนิยายมากกว่า  ก็สามารถไปหามาอ่านกันได้
ซึ่งบล๊อคเกอร์ขอบอกไว้ก่อน ว่าในนิยาย 
อาจจะ ไม่เหมือนกับในหนัง 100%
แต่รับรองว่าสนุกไม่แพ้หนังแน่นอน
เวอร์ชั่น อังกฤษ
เวอร์ชั่น ไทย
[เกร็ด The Maze Runner] ที่มาของชื่อตัวละคร
เกร็ดเล็กๆ ที่น่าสนใจเกี่ยวกับ The Maze Runner ก็คือชื่อตัวละครในเรื่อง ซึ่งถ้าสังเกตก็จะพบว่าเกือบทั้งหมดมีที่มาจากนักวิทยาศาสตร์ชื่อดังด้วยกันทั้งนั้น โดยคนเขียนก็ยืนยันว่าได้แรงบันดาลใจจากชื่อนักวิทยาศาสตร์จริง ส่วนชื่อใครมาจากชื่อใครก็มีดังนี้

Thomas = Thomas Alva Edison 
ผู้ประดิษฐ์หลอดไฟ
Teresa = Nikola Tesla 
ผู้คิดค้นไฟฟ้ากระแสสลับ
Newt = Issac Newton 
ผู้ค้นพบแรงโน้มถ่วง
Gally = Galileo Galilei 
นักวิทยาศาสตร์และดาราศาสตร์ชื่อดัง
Allby = Albert Einstein 
ผู้คิดค้นทฤษฎีสัมพันธภาพ
Chuck = Charles Darwin 
ผู้คิดค้นทฤษฎีวิวัฒนการ
Ben = 
Benjamin Franklin ผู้ค้นพบประจุไฟฟ้าในอากาศ
Frypan (Siggy) = Sigmund Freud 
นักจิตวิทยาชื่อดัง

ในบรรดาตัวละครหลัก มีคนเดียวที่ไม่ได้มีชื่อจากนักวิทยาศาสตร์หรือคนดัง นั่นก็คือ "มินโฮ" โดยผู้เขียน The Maze Runner บอกว่า อาจเป็นชื่อนักวิทยาศาสตร์ที่โด่งดังในอนาคตก็เป็นได้ ซึ่งก็ถูกครึ่งหนึ่ง เพราะหลังจากหนังสือออกก็มีคนดังที่ชื่อ "มินโฮ" จริง ต่างกันแค่ว่า มินโฮที่ดัง ไม่ใช่นักวิทยาศาสตร์ แต่เป็นดารา (อีมินโฮ) และไอดอล (มินโฮ SHINee) ต่างหาก






พวกเขาจะฝ่าฟันมันไปได้หรือไม่  จะมีสักกี่คนที่รอดชีวิต ต้องติดตาม!!!
TheScorchTrials 17 กันยายนนี้ ไปลุยกัน!!!


ปล. วันพุธ 80 บาท เหมือนเดิมจ้า 55555 

แหล่งข้อมูลและรูปภาพที่เกี่ยวข้อง

วันอังคารที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

Review/แนะนำการใช้งาน1โปรแกรม




วันนี้ขอเสนออออออออออออออออออออออออ


SF Showtime in Hand  เป็นแอปพิเคชั่นจากทาง SF 

ซึ่งเป็นแอปง่ายๆ สะดวกสบาย สำหรับคนรักหนัง 

เป็นแอปที่ให้ความบันเทิงเหมาะสำหรับคนรักหนัง ที่ให้ เรา ซื้อ-จอง-เช็ครอบฉายหนังของโรงภาพยนตร์ ในเครือ SF ทุกสาขาแบบ Real time ที่มาพร้อมฟังก์ชั่นสุดพิเศษที่รับรองทุกความต้องการ เพื่อคนรักหนัง เช่น สามารถเช็ครอบหนัง ค้นหาสาขาใกล้บ้าน เช็คหนังเข้าใหม่ วัน เวลา รอบฉายที่สะดวกสำหรับการดูหนัง

สำหรับ SF Showtime in Hand อำนวยความสะดวกในการเช็ครอบหนัง



ดูว่ามีหนังเรื่องอะไรเข้าแล้วบ้าง

พอกดจิ้มที่ BUY NOW ก็จะขึ้นรอบฉายของทุกสาขา 
 พร้อมเลือก วัน เวลา ได้ตามที่ต้องการ สบายมากๆ

สามากดจอง หรือซื้อได้อย่างสบายๆ
(แต่การจองนั้น ต้องจองล่วงหน้า 45นาที)
พร้อมทั้งเลือกประเภทของที่นั่ง และที่นั่งที่ต้องการได้


แต่ถ้าเรายังไม่รู้ว่าหนังเรื่องนั่นเกี่ยวกับอะไร เป็นอย่างไร
เราก็สามารถกดจิ้มตรง คำว่า DETALS
 ก็จะมีรายละเอียดของหนังเรื่องนั้นเด้งขึ้นมาทันที

ทั้ง วันเข้าฉาย ประเภทของหนัง ความยาว นักแสดงนำ 
ผู้กำกับ การจำกัดอายุของผู้ชม รวามถึงเนื้อเรื่องย่อของหนัง
 และถ้าเราอยากดูตัวอย่างหนังสามารถกดตรง TRAILER ได้ ก็จะมี ตัวอย่างหนังเด้งขึ้นมา

และยังสามารถดูได้อีกว่า หนังเรื่องไหนที่จะเข้าฉายเร็วๆนี้
 เพียงกดตรงคำว่า Comingsoon

แถมยังกดไปดูรายละเอียดได้อีกเช่นเคย 


พร้อมด้วยระบบการแจ้งเตือนเพื่อให้เราไม่พลาดหนังดีมีคุณภาพ


และยังสามารถเจอเพื่อนใหม่ๆได้อีกด้วย 


และยังสามารถแชร์ ประสบการณ์ ความสนุก ความมันส์ได้อีก



 กดเพิ่มสติ้กเกอร์ เพื่อความมุ้งมิ้ง เข้าไปได้อีก

เพียงเท่านี้ สามารถไปดูหนังอย่างมีความสุขได้แล้ว


 สำหรับแอปพลิเคชั่นตัวนี้ ก็เปิดให้ดาว์นโหลดกันฟรีๆ ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น

ปล. รออะไรกันอยู่ล่ะ โหลดสิ จะได้ไม่พลาดโปรแกรมหนังดีมีคุณภาพ ที่ส่งตรงถึงมือเรา

ขอบคุณรูปภาพสวยๆจาก









วันอังคารที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

คอมพิวเตอร์ และระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์


ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์



       ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ หรือระบบเน็ตเวิร์ก คือ กลุ่มของคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่างๆ ที่ถูกนำมาเชื่อมต่อกันเพื่อให้ผู้ใช้ในเครือข่ายสามารถติดต่อสื่อสาร แลกเปลี่ยนข้อมูล และใช้อุปกรณ์ต่างๆ ในเครือข่ายร่วมกันได้"เครือข่ายนั้นมีหลายขนาด ตั้งแต่ขนาดเล็กที่เชื่อมต่อกันด้วยคอมพิวเตอร์เพียงสองสามเครื่อง เพื่อใช้งานในบ้านหรือในบริษัทเล็กๆ ไปจนถึงเครือข่ายขนาดใหญ่ที่เชื่อมต่อกันทั่วโลก ส่วน Home Network หรือเครือข่ายภายในบ้าน ซึ่งเป็นระบบ LAN ( Local Area Network) เป็นระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กๆ หมายถึง การนำเครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ มาเชื่อมต่อกันในบ้าน สิ่งที่เกิดตามมาก็คือประโยชน์ในการใช้คอมพิวเตอร์ด้านต่างๆ เช่น
  1. การใช้ทรัพยากรร่วมกัน หมายถึง การใช้อุปกรณ์ต่างๆ เช่น เครื่องพิมพ์ร่วมกัน กล่าวคือ มีเครื่องพิมพ์เพียงเครื่องเดียว ทุกคนในเครือข่ายสามารถใช้เครื่องพิมพ์นี้ได้ ทำให้สะดวกและประหยัดค่าใช้จ่าย เพราะไม่ต้องลงทุนซื้อเครื่องพิมพ์หลายเครื่อง (นอกจากจะเป็นเครื่องพิมพ์คนละประเภท)
  2. การแชร์ไฟล์ เมื่อคอมพิวเตอร์ถูกติดตั้งเป็นระบบเน็ตเวิร์กแล้ว การใช้ไฟล์ข้อมูลร่วมกันหรือการแลกเปลี่ยนไฟล์ทำได้อย่างสะดวกรวดเร็ว ไม่ต้องอุปกรณ์เก็บข้อมูลใดๆ ทั้งสิ้นในการโอนย้ายข้อมูลตัดปัญหาเรื่องความจุของสื่อบันทึก ยกเว้นอุปกรณ์ในการจัดเก็บข้อมูลหลักอย่างฮาร์ดดิสก์ หากพื้นที่เต็มก็คงต้องหามาเพิ่ม
  3. การติดต่อสื่อสาร โดยคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อเป็นระบบเน็ตเวิร์ก สามารถติดต่อพูดคุยกับเครื่องคอมพิวเตอร์อื่น โดยอาศัยโปรแกรมสื่อสารที่มีความสามารถใช้เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ได้เช่น เดียวกัน หรือการใช้อีเมล์ภายในก่อให้เครือข่าย Home Network หรือ Home Office จะเกิดประโยชน์นี้อีกมากมาย
  4. การใช้อินเทอร์เน็ตร่วมกัน คอมพิวเตอร์ทุกเครื่องที่เชื่อมต่อในระบบเน็ตเวิร์กสามารถใช้งานอินเทอร์เน็ตได้ทุกเครื่อง โดยมีโมเด็มตัวเดียว ไม่ว่าจะเป็นแบบอนาล็อกหรือแบบดิจิตอลอย่าง ADSL ยอดฮิตในปัจจุบัน
       ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งขององค์กร สถาบันการศึกษาและบ้านไปแล้วการใช้ทรัพยากรร่วมกันได้ทั้งไฟล์ เครื่องพิมพ์ ต้องใช้ระบบเครือข่ายเป็นพื้นฐาน ระบบเครือข่ายจะหมายถึง การนำคอมพิวเตอร์ตั้งแต่ 2 เครื่องขึ้นไปมาเชื่อมต่อกันเพื่อจะทำการแชร์ข้อมูล และทรัพยากรร่วมกัน เช่น ไฟล์ข้อมูลและเครื่องพิมพ์ ระบบเครือข่ายสามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ด้วยกันคือ
1. LAN (Local Area Network) 
      ระบบเครื่องข่ายท้องถิ่น เป็นเน็ตเวิร์กในระยะทางไม่เกิน 10 กิโลเมตร ไม่ต้องใช้โครงข่ายการสื่อสารขององค์การโทรศัพท์ คือจะเป็นระบบเครือข่ายที่อยู่ภายในอาคารเดียวกันหรือต่างอาคาร ในระยะใกล้ๆพัฒนาการของระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์เกิดจากการเชื่อมต่อเทอร์มินอล (Terminal)เข้ากับเครื่องคอมพิวเตอร์เมนเฟรม (Mainfram Computer) หรือเชื่อมต่อกับมินิคอมพิวเตอร์ (Mini Computer) ซึ่งการควบคุมการสื่อสารและการประมวลผลต่างๆจะถูกควบคุมและดำเนินการโดยเครื่องเมนเฟรมหรือมินิคอมพิวเตอร์ซึ่งอาจเรียกอีกอย่างว่าโฮสต์ (Host) โดยมีการเชื่อมโยงระหว่างโฮสต์กับเทอร์มินอล ส่วนเทอร์มินอลทำหน้าที่เป็นเพียงจุดรับข้อมูล และ แสดงข้อมูลเท่านั้น
สำหรับเครือข่ายในปัจจุบันมีการทำงานที่มีประสิทธิภาพและคล่องตัวมากยิ่งขึ้น ทั้งการเข้าถึงและการใช้งานทรัพยากรที่มีอยู่บนเครือข่าย เช่น เครื่องพิมพ์ ดิสก์ หรืออุปกรณ์อื่น ๆ ซึ่งปัจจุบันเรียกเทอร์มินอลที่มีความสามารถเล่านี้ว่าโหนด(Node)ลักษณะการกระจายการทำงานแบบการกระจายศูนย์ (Distributed System) ซึ่งเป็นการกระจายภาระ และหน้าที่การทำงานไปโหนดบนเครือข่ายทั้งภายใน และภายนอกหน่วยงาน ซึ่งจะช่วยลดภาระการทำงาน ของโฮสต์ลงได้เป็นอย่างมาก
ปัจจุบันมีการใช้งานเครือข่ายระยะใกล้ หรือเรียกอีกอย่างว่าเครือข่ายท้องถิ่น (LAN หรือ Local Area Network) อย่างแพร่หลายในเกือบทุกหน่วยงาน จนเปรียบเสมือนปัจจัยในการทำงานของสำนักงานทั่ว ๆ ไป เช่นเดียวกับเครื่องพิมพ์ดีด หรือเครื่องถ่ายเอกสารบุคคลากรเกือบทุกคนในหน่วยงานจะมี เครื่องคอมพิวเตอร์อย่างน้อย 1 เครื่อง เพื่อใช้งานในด้านต่างๆ นอกจากนี้อาจจะมีการเชื่อมโยงกับเครื่องคอมพิวเตอร์ หรืออุปกรณ์ทางคอมพิวเตอร์กับระบบงานอื่น ภายในหน่วยงานเดียวกันภายในตึกเดียวกัน หรือภายในองค์กรเดียวกัน การเชื่อมโยงในลักษณะนี้เปรียบเสมือนการเชื่อมโยงประสานการทำงานของหน่วยงานหรือ องค์กรเข้าด้วยกัน ซึ่งเรียกการเชื่อมโยงลักษณะนี้ว่าเครือข่ายท้องถิ่น
      สรุปแล้วเครือข่ายระยะใกล้ หรือเครือข่ายท้องถิ่น (LAN)เป็นรูปแบบการทำงานของระบบเครือข่ายแบบหนึ่ง ที่ช่วยให้เครื่องคอมพิวเตอร์ (Computer) เครื่องพิมพ์ (Printer) และอุปกรณ์ใช้งานทางคอมพิวเตอร์ต่าง ๆ สามารถเชื่อมโยงเอกสาร ส่งข้อมูลติดต่อใช้งานร่วมกันได้ การติดต่อสื่อสารของอุปกรณ์ จะอยู่ในบริเวณแคบ โดยทั่วไปมีระยะทางไม่เกิน 10 กิโลเมตร เช่น ภายในอาคารสำนักงานภายในคลังสินค้า โรงงาน หรือระหว่างตึกใกล้ ๆ เชื่อมโยงด้วย สายสื่อสารจึงทำให้มีความเร็วในการสื่อสารข้อมูลด้วยความเร็วสูงมาก และมีความผิดพลาดของข้อมูลต่ำ
2. MAN (Metropolitan Area Network) 
      ระบบเครือข่ายเมือง เป็นเน็ตเวิร์กที่จะต้องใช้โครงข่ายการสื่อสารขององค์การโทรศัพท์ หรือการสื่อสารแห่งประเทศไทย เป็นการติดต่อกันในเมือง เช่น เครื่องเวิร์กสเตชั่นอยู่ที่สุขุมวิท มีการติดต่อสื่อสารกับเครื่องเวิร์กสเตชั่นที่บางรัก
3. WAN (Wide Area Network) 
      ระบบเครือข่ายกว้างไกล หรือเรียกได้ว่าเป็น World Wide ของระบบเน็ตเวิร์ก โดยจะเป็นการสื่อสารในระดับประเทศ ข้ามทวีปหรือทั่วโลก จะต้องใช้มีเดีย(Media) ในการสื่อสารขององค์การโทรศัพท์ หรือการสื่อสารแห่งประเทศไทย (คู่สายโทรศัพท์ dial-up / คู่สายเช่า Leased line / ISDN) (lntegrated Service Digital Network สามารถส่งได้ทั้งข้อมูล เสียง และภาพในเวลาเดียวกัน)ระบบเครือข่ายระยะไกล หรือ Wide Area Network เป็นระบบเครือข่ายที่ติดตั้งใช้งานอยู่ในบริเวณกว้าง โดยมีการส่งข้อมูลในลักษณะเป็นแพ็คเก็ต (Packet) ซึ่งต้องเดินทางจากเครื่องคอมพิวเตอร์ต้นทางไปสู่เครื่องคอมพิวเตอร์ปลายทาง แพ็กเก็ตนี้ถูกส่งจากเครื่องคอมพิวเตอร์หนึ่งไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์อีกเครื่องหนึ่ง โดยมีสายสื่อสารหรืออุปกรณ์สื่อสารอื่นในการเชื่อมต่อถึงกันในลักษณะเป็นลูกโซ่ หรือเป็นทอดๆอาศัยเครื่องคอมพิวเตอร์ที่อยู่ระหว่างทางแต่ละตัวจะรับข้อความนั้นเก็บจำเอาไว้ และส่งต่อให้เครื่องคอมพิวเตอร์ถัดไปในเส้นทางที่สะดวก รูปแบบของเครือข่ายที่แตกต่างกันไปตามลักษณะของอัลกอริทึมสำหรับการคำนวณในการส่งแพ็คเก็ต โดยแบ่งออกได้เป็นสองประเภทใหญ่ๆคือ แบบดาตาแกรม (Datagram) และแบบเวอร์ชวลเซอร์กิต (Virtual Circuit)หรือแบบวงจรเสมือน ระบบดาตาแกรมพิจารณาแต่ละแพ็คเก็ตแยกออกจากกัน แพ็คเก็ตต่างๆของข้อความเดียวกันอาจถูกส่งไปในเส้นทางที่ต่างกันได้ขึ้นอยู่กับปริมาณข่าวสารในเครือข่ายในแต่ละขณะเวลาที่ผ่านไป และรวมถึงการเปลี่ยนแปลงลักษณะของเครือข่ายเนื่องจากเครื่องคอมพิวเตอร์บางตัว"เสีย"(คือไม่อาจร่วมในการส่งผ่านข่าวสารในเครือข่ายได้) ดังนั้นการจัดเส้นทางจึงทำอยู่ตลอดเวลาเพื่อปรับให้เข้ากับสภาวะเครือข่าย ข้อเสียของระบบเช่นนี้คือ แพ็คเก็ตอาจไปถึงจุดหมายโดยไม่ได้เรียงลำดับ(Out of Order) จึงต้องถูกจัดเรียงใหม่ก่อนที่จะส่งต่อให้ผู้รับปลายทาง เครือข่ายที่ใช้ระบบนี้รู้จักกันดีคือ อาร์พาเน็ต(ARPARNET)ย่อมาจาก (Advanced Research Projects Agency Network) ของสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นจุดกำเนิดแม่แบบเครือข่ายสากล หรืออินเตอร์เน็ตด้วย (Internet) ด้วยส่วนระบบเครือข่ายเวอร์ชวลเซอร์กิตใช้รหัสของต้นทางและปลายทางในแพ็คเก็ตแรก เพื่อจัดเส้นทางผ่านระบบเครือข่ายสำหรับข้อความที่ต้องการส่งในชุดนั้นทั้งหมด ข้อดีของวิธีนี้คือ ส่วนหัวสำหรับแพ็คเก็ตถัดๆไปมีขนาดลดลงได้เพราะแพ็คเก็ตหลังๆเพียงแต่ตามหลังแพ็คเก็ตหน้าไปจึงไม่จำเป็นต้องมีรหัสต้นทางปลายทางอีก และอัลกอริทึมสำหรับจัดเส้นทางนั้นจะทำกันเพียงครั้งเดียวต่อข้อความทั้งข้อความ แทนที่จะต้องคำนวณใหม่สำหรับทุกๆแพ็คเก็ต ข้อเสียสำหรับวิธีการนี้ คือ คอมพิวเตอร์ตามที่กำหนดเส้นทางขึ้นนั้นต้องเก็บข้อมูลเกี่ยวกับเส้นทางนี้ไว้จนกว่าแพ็คเก็ตสุดท้ายจะผ่านไปแล้ว ในกรณีนี้ต้องใช้ที่เก็บข้อมูลมากสำหรับทั้งเครือข่าย และก่อให้เกิดปัญหาใหญ่หากคอมพิวเตอร์เครื่องใดในเส้นทางเกิดเสีย และข้อเสียอีกประการ คือสมรรถนะของเครือข่ายไม่อาจเปลี่ยนแปลงตามสภาพการใช้งานได้ง่าย เพราะเส้นทางถูกกำหนดตายตัวตั้งแต่แพ็คเก็ตแรกหากสภาวะของเครือข่ายระหว่างที่มีการสื่อสารข้อมูลกันอยู่มีการเปลี่ยนแปลงไป แพ็กเก็ตหลังๆก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงหรือปรับเส้นทางในการสื่อสารที่เหมาะสมได้ ตัวอย่างของเครือข่ายแบบนี้คือ TRANSPAC ในฝรั่งเศสและ TYMNET ในสหรัฐอเมริกาหลังจากนั้นก็มีการพัฒนาระบบเครือข่ายขึ้นเรื่อยๆ จนในปัจจุบันประมาณการว่าเครื่องคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อกันในโลกของอินเตอร์เน็ตมีมากกว่า 30 ล้านเครื่องเลยทีเดียว โดยมีข้อกำหนดว่าทุกเครือข่ายที่เชื่อมต่อถึงกันจะต้องอยู่ภายใต้มาตรฐานของการเชื่อมต่อหรือโปรโตคอล ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อใช้งานบนเครือข่ายแบบนี้โดยเฉพาะซึ่งเรียกว่า TCP/IP เหมือนกันหมดทุกเครื่องจากมาตรฐานการเชื่อมต่อแบบเดียวกันนี้จะมีผลทำให้เครือข่ายคอมพิวเตอร์ สามารถติดต่อสื่อสารกันได้ปัจจุบันมีจำนวนเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อเข้ากับอินเตอร์เน็ตมากกว่า 5 หมื่นเครือข่าย และนับวันจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะที่เครื่องคอมพิวเตอร์กลางที่คอยให้บริการข้อมูลหรือเซิร์ฟเวอร์ที่ต่อเข้ากับอินเตอร์เน็ต 5 ล้านเครื่อง และยังประมาณกันว่าจะมีผู้ขอใช้อินเตอร์เน็ตต (ไคลเอนต์) ในเวลานี้มากกว่า 30 ล้านคน กระจายการใช้งานมากกว่า 84 ประเทศในทั่วทุกมุมโลก ด้วยการออกแบบที่ชาญฉลาดของผู้พัฒนาเครือข่าย โดยไม่มีข้อจำกัดทางฮาร์ดแวร์ เพียงแต่ใช้มาตรฐานการเชื่อมต่อแบบ TCP/IP เท่านั้น ทำให้อินเตอร์เน็ตสามารถเติบโตไปอย่างไม่มีขอบเขตและขีดจำกัดโดยไม่มีใครสามารถเข้ามาควบคุมการผูกขาดทางเทคโนโลยีซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเครือข่ายอินเตอร์เน็ตอินเตอร์เน็ตเปิดให้บริการเครือข่ายที่สามารถให้ผู้ใช้เข้าถึงข้อมูล ด้วยรูปแบบการนำเสนอข้อมูลที่เป็นแบบมัลติมีเดียซึ่งประกอบไปด้วยภาพกราฟิก เสียง ข้อมูล และสัญญาณวิดีโอที่ชื่อว่า World Wide Web ที่ทำให้การค้นหาข้อมูลบนอินเตอร์เน็ตมีความง่ายและสะดวกต่อการใช้งานมากนอกนั้นอินเตอร์เน็ตยังกลายเป็นเครือข่ายที่เปิดกว้างสำหรับทุกๆเรื่อง ตั้งแต่การแสดงออกทางความคิดเห็นจนถึงการสร้างโอกาสทางธุรกิจสำหรับผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆอย่างไร้ข้อจำกัด โดยไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบใครในโลกอภิมหาเครือข่าย

ประเภทของระบบเครือข่าย


      
  1. Peer To Peer

      เป็นระบบที่เครื่องคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องบนระบบเครือข่ายมีฐานเท่าเทียมกัน คือทุกเครื่องสามารถจะใช้ไฟล์ในเครื่องอื่นได้ และสามารถให้เครื่องอื่นมาใช้ไฟล์ของตนเองได้เช่นกัน ระบบ Peer To Peerมีการทำงานแบบดิสทริบิวท์(Distributed System) โดยจะกระจายทรัพยากรต่างๆ ไปสู่เวิร์กสเตชั่นอื่นๆ แต่จะมีปัญหาเรื่องการรักษาความปลอดภัย       เนื่องจากข้อมูลที่เป้นความลับจะถูกส่งออกไปสู่คอมพิวเตอร์อื่นเช่นกันโปรแกรมที่ทำงานแบบ Peer To Peer คือ Windows for Workgroup และ Personal Netware

     
   2. Client / Server

      เป็นระบบการทำงานแบบ Distributed Processing หรือการประมวลผลแบบกระจาย โดยจะแบ่งการประมวลผลระหว่างเครื่องเซิร์ฟเวอร์กับเครื่องไคลเอ็นต์ แทนที่แอพพลิเคชั่นจะทำงานอยู่เฉพาะบนเครื่องเซิร์ฟเวอร์ ก็แบ่งการคำนวณของโปรแกรมแอพพลิเคชั่น มาทำงานบนเครื่องไคลเอ็นต์ด้วย และเมื่อใดที่เครื่องไคลเอ็นต์ต้องการผลลัพธ์ของข้อมูลบางส่วน จะมีการเรียกใช้ไปยัง เครื่องเซิร์ฟเวอร์ให้นำเฉพาะข้อมูลบางส่วนเท่านั้นส่งกลับ มาให้เครื่องไคลเอ็นต์เพื่อทำการคำนวณข้อมูลนั้นต่อไป


รูปแบบการเชื่อมต่อของระบบเครือข่าย LAN Topology


      
  1. แบบBus 

      การเชื่อมต่อแบบบัสจะมีสายหลัก 1 เส้น เครื่องคอมพิวเตอร์ทั้งเซิร์ฟเวอร์ และไคลเอ็นต์ทุกเครื่องจะต้องเชื่อมต่อสายเคเบิ้ลหลักเส้นนี้ โดยเครื่องคอมพิวเตอร์จะถูกมองเป็น Node เมื่อเครื่องไคลเอ็นต์เครื่องที่หนึ่ง (Node A) ต้องการส่งข้อมูลให้กับเครื่องที่สอง (Node C) จะต้องส่งข้อมูล และแอดเดรสของ Node C ลงไปบนบัสสายเคเบิ้ลนี้ เมื่อเครื่องที่ Node C ได้รับข้อมูลแล้วจะนำข้อมูล ไปทำงานต่อทันที
   2. แบบ Ring 

      การเชื่อมต่อแบบวงแหวน เป็นการเชื่อมต่อจากเครื่องหนึ่งไปยังอีกเครื่องหนึ่ง จนครบวงจร ในการส่งข้อมูลจะส่งออกที่สายสัญญาณวงแหวน โดยจะเป็นการส่งผ่านจากเครื่องหนึ่ง ไปสู่เครื่องหนึ่งจนกว่าจะถึงเครื่องปลายทาง ปัญหาของโครงสร้างแบบนี้คือ ถ้าหากมีสายขาดในส่วนใดจะทำ ให้ไม่สามารถส่งข้อมูลได้ ระบบ Ring มีการใช้งานบนเครื่องตระกูล IBM กันมาก เป็นเครื่องข่าย Token Ring ซึ่งจะใช้รับส่งข้อมูลระหว่างเครื่องมินิหรือเมนเฟรมของ IBM กับเครื่องลูกข่ายบนระบบ
   3. แบบ Star

      การเชื่อมต่อแบบสตาร์นี้จะใช้อุปกรณ์ Hub เป็นศูนย์กลางในการเชื่อมต่อ โดยที่ทุกเครื่องจะต้องผ่าน Hub สายเคเบิ้ลที่ใช้ส่วนมากจะเป็น UTP และ Fiber Optic ในการส่งข้อมูล Hub จะเป็นเสมือนตัวทวนสัญญาณ (Repeater) ปัจจุบันมีการใช้ Switch เป็นอุปกรณ์ในการเชื่อมต่อซึ่งมีประสิทธิภาพการทำงานสูงกว่า
   4. แบบ Hybrid
 

       เป็นการเชื่อมต่อที่ผสมผสานเครือข่ายย่อยๆ หลายส่วนมารวมเข้าด้วยกัน เช่น นำเอาเครือข่ายระบบ Bus, ระบบ Ring และ ระบบ Star มาเชื่อมต่อเข้าด้วยกัน เหมาะสำหรับบางหน่วยงานที่มีเครือข่ายเก่าและใหม่ให้สามารถทำงานร่วมกันได้ ซึ่งระบบ Hybrid Network นี้จะมีโครงสร้างแบบ Hierarchical หรือ Tre ที่มีลำดับชั้นในการทำงาน


คลิปVDOที่น่าสนใจ


ขอบคุณ โรงเรียนนวมินทราชินูทิศ สวนกุหลาบ สมุทรปราการ



แหล่งอ้างอิงและรูปภาพที่เกี่ยวข้อง


http://csmju.jowave.com/cs100_v2/index.html